2556.....ทำความสว่างในที่มืด ร่วมจิต"รักษากาย"ใต้บารมีพิฆเนศ
2556.....ทำความสว่างในที่มืด ร่วมจิต"รักษากาย"ใต้บารมีพิฆเนศ
องค์พระพิฆเนศ
โอม ศรี สิทธิ วินากายะ นะมะหะ...
.....เป็น คำสวดบูชาองค์พระพิฆเนศ ซึ่งบทเป็นการถวายสักการะ “ศรี วินากายะ” พระผู้ให้ การช่วยเหลือปกป้องต่ออุปสรรค ถือเป็น 1 ใน 39 ปาง หากต้องการเสริมพลังอื่นๆ ก็เปลี่ยนพระนามไปตามปาง อาทิ “โอม วิฆณราชายะ นะมะหะ” อันหมายถึง “องค์วิฆณราชายะ” ผู้ขจัดอุปสรรคทั้งหลาย
หรือ...... หากเปลี่ยน จากคำว่า “วิฆณราชายะ” เป็น “อัคนิครวัจหิเท” หมายถึงปางของพระผู้ทำลายความอวดหยิ่งฯ ก็จะได้รับพลัง ส่งผลให้บุคคลทั้งหลายหมดจากความอวดหยิ่ง อันจะทำให้ มนุษย์อันเป็นสมาชิกของสังคมโลกอยู่กันอย่างสุขสันติ....
.....ซึ่ง รวมๆความแล้ว ทั้ง 39 ปาง บ่งถึง “องค์พระพิฆเนศทรงเป็นเทพเจ้าผู้ประทานความสำเร็จให้”...... ส่วนจะอยู่ในด้านไหนนั้น ก็แล้วประสงค์ของผู้นั้นๆ..!!
O O O
ความ สำเร็จแห่งองค์พระพิฆเนศซึ่งฉายออกให้เห็นเป็นรูปธรรมมีหลายแห่ง ที่เด่นชัดหนึ่งในจำนวนหลายหลากก็มีที่ วัดสมานรัตนาราม ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จากอดีตที่เงียบเหงา เพียงแค่ ครึ่งทศวรรษได้พลิกหน้าพลิกหลัง ผู้จิตกุศลทั้งหลายตามขึ้นวัดนี้อย่างไม่น่าเชื่อ
โดยมานมัสการ..... องค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข ประดิษฐ์ตระหง่านบนเป็นเกาะกลางน้ำแม่น้ำบางปะกง องค์สีชมพูขนาดใหญ่สูง 16 เมตร ยาว 24 เมตร ถือว่าเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุด (เฉพาะปางเสวยสุข)
อย่าง เมื่อ “5 ธันวา มหาราช” ที่ผ่านมา....มีผู้ศรัทธาแห่แหนมาวัดแห่งนี้ เข้าออกติดยาวนับเป็นกิโลเมตร พื้นที่วัดกว่า 50 ไร่ รถยนต์จอดกันจนแน่นขนัด
O O O
วัด สมานฯ.....เกิดขึ้นจาก ศรัทธาทายาทขุนสมานจีนประชา (สมาน เพิ่มนคร) เมื่อแก่กรรมในปี 2422 จึงได้สร้างศาสนสถานอุทิศเป็นกุศลอนุสรณ์ให้ชื่อว่า “วัดใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร” เป็นวัดราษฎร์ในช่วงแรกสังกัดมหานิกายแล้วจึงถวายเป็นธรรมยุต โดย พระครูสิริปัญญามุนี (อ่อน เทวนิโพ) เป็นประธานรับฯ
ตลอดระยะเวลา ศตวรรษครึ่ง “วัดสมานรัตนาราม” มีเจ้าอาวาส 6 รูป ปัจจุบัน คือ “พระครูปลัดสุวัฑฒนพรหมจริยคุณ (ไพรัตน์ ปัญญาธโร ปธ.6)” เป็นผู้พัฒนาวัดนี้ให้เป็นที่รู้จักในสังคมอันกว้างไกล
O O O
พระ ครูไพรัตน์ อายุ 39 ปี 15 พรรษา เป็นคนพื้นเพอำเภอบางคล้า ในวัยเด็กได้ย้ายมาอยู่ตำบลบางแก้ว ไม่ห่างจากวัดสมานฯเท่าใดนัก ครอบครัวมีอาชีพทำสวนมะม่วง มะพร้าว หมาก และอื่นๆ มีรายได้ในหลักแสนต่อปี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง...
ต่อมาได้ ปรับพื้นที่สวนเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ซึ่งถือว่าเป็นรายแรกในพื้นที่ และก็ประสบความสำเร็จมีเงินฝากนับสิบๆล้านบาท ขณะอายุเพียง 21 ปี
พอ อายุได้ 24 ปี จึงตัดสินใจหนีกองเงิน เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ณ พัทธสีมาวัดสมานฯ ในปี 2541 ตลอดระยะเวลาได้ช่วยพระครูผินฯ เจ้าอาวาสพัฒนาปรับปรุงวัดที่อยู่ในสภาพเสื่อม โทรมให้มีภูมิทัศน์ดีขึ้น ในปี 2551 ได้ปัจจัยจาก องค์จตุคามรามเทพ จึงได้สร้างพระอุโบสถใหม่ใช้เวลาเพียง 14 เดือน
หลัง ได้รับความสำเร็จจากองค์เทพฯ แล้ว....ล่วงถึงปี 2552 ด้วยจิตยังศรัทธาต่อเทพเจ้าจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า...จะมีเทพองค์ใดบ้างที่จะ ส่งผลให้วัดสมานฯได้ประสบความสำเร็จโด่งดังเป็นที่รู้จักแก่พุทธศาสนิกชน ขอให้มาปรากฏตัวช่วยประทานพรให้เกิดความสำเร็จเถิด.....
แล้วก็นิมิต องค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข ให้เห็นและก็จำได้ถนัดตา แล้วก็มาถ่ายทอดให้ช่างถึงลักษณะท่าทางและสีสัน เมื่อสร้างก็เป็นไปตามคาดในช่วงที่สร้างนั้นปลอดโปร่งทุกอย่าง ทั้งธรรมชาติและปัจจัย ใช้เวลาพียง 4 เดือนก็แล้วเสร็จสมบูรณ์
O O O
วัด สมานฯ มิได้หยุดยั้งในการสร้างทั้งพุทธและเทพฯ เพื่อเป็นที่สักการบูชาแก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย กระทั่งได้มีแนวคิดที่จะ สร้างปัจจัย “รักษากาย รักษาใจ” ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้เป็นองค์ประกอบที่เอื้อกัน
รักษาใจ....คือเรือนองค์ประกอบใน การ ปฏิบัติธรรม ถือศีลสมาธิกัมมัฏฐาน ส่วน รักษากาย คือ โรงพยาบาล เมื่อตัดสินใจแล้วจึง ขอพรจากพระพิฆเนศให้กิจอันเป็นสาธารณประโยชน์ ได้รับความสำเร็จ
ก็ไม่รู้ว่าจาก พลังของพระพิฆเนศ หรือ แรงกุศลจิต ของ อาจารย์นพ โพธิรักษ์ โหรใหญ่ไทยรัฐ เมื่อรู้เจตนาจึงได้เอาความรู้และ ประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกว่า 50 ปี เขียนเป็นตำราพยากรณ์สมทบทุนในการสร้างที่รักษากายหรือโรงพยาบาล
O O O
อาจารย์ นพ โพธิรักษ์ อายุ 85 ปี เป็นนักพยากรณ์รุ่นอาวุโส โดยเรียนรู้ศาสตร์นี้จากอาจารย์หลายสำนักทั้งเป็นสงฆ์และฆราวาส เริ่มใช้ความรู้ในทางโหราศาสตร์ โปรดญาติโยมมาตั้งแต่อยู่ในเพศบรรพชิตที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ด้วยความแม่นยำ แม้ลาสิกขาแล้วก็ยังมีผู้คนติดตามให้พยากรณ์ โดยเฉพาะนักการเมืองแล้วเข้าออกประตูอาศรมแทบไม่ขาดสาย
กับ ตำรา “2556 ดูดวง” เล่มนี้ นอกจากจะวางที่วัดสมานฯแล้วยังวางตามร้านสะดวกซื้อ และแผงหนังสือทั่วๆไป โดย อาจารย์นพได้ใช้ความชำนาญกว่าครึ่งศตวรรษผนวกเป็นข้อมูลพื้นฐานซึ่งจะหยิบยก จากพราหมณ์หรือฮินดูที่ข้องเกี่ยวกับเทพ ซึ่งแต่ละองค์มีอุปนิสัยที่แตกต่างกัน มาประยุกต์กับเส้นทางโคจรของดวงดาวในจักรวาล โดย แต่ละองศานั้นมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตมนุษย์
แล้วจึง นำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ให้กระจ่าง ด้วยการ หงายสิ่งที่คว่ำ ทำความสว่างในที่มืด ผู้อ่าน จะได้มีวิจารณญาณในการหลีก เลี่ยงแก้ไขหากภัยจะเกิด
O O O
ขณะ เดียวกันก็ดึง โชคจากเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ (พิฆเนศ) มาเป็นตัวเลขทั้งฤกษ์บนและล่าง สร้างโอกาสให้ได้ รับทรัพย์เป็นของขวัญปีใหม่ กันตลอดปักษ์ตลอดศก
แต่....โหรใหญ่ไทย รัฐ ก็มิลืมที่จะเตือนสติว่า การพยากรณ์คือคาดคะเน จะให้ตรงเผง 100 เปอร์เซ็นต์คงไม่ได้ ต้องมีผิดมีพลาดจะเท่าใดก็แล้วแต่...เป็นการบ้านให้ฉุกคิด ตัวใบ้ ตัวเก็ง ฤาจะตรงเผงเท่า ตัวล็อก..!!
เหนือฟ้าใต้บาดาล | คอลัมน์ เหนือฟ้าใต้บาดาล | ก้อง กังฟู |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น