อนุสรณ์ 155 ปีสังฆราชแพ แผ่พลัง แคล้วคลาดปลอดภัย[เหนือฟ้าใต้บาดาล]

อนุสรณ์ 155 ปีสังฆราชแพ แผ่พลัง แคล้วคลาดปลอดภัย[เหนือฟ้าใต้บาดาล]

 


สมเด็จพระสังฆราชแพ. ฮือฮาเมื่อ ตุลาฯ ที่ผ่าน...กับแฟ้ม ประจำวัน สภ.อ.เก้าเลี้ยว นครสวรรค์ บันทึกถึง ด.ต.ชูเกียรติ อนุสร ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.นว.เข้าให้การกับ พ.ต.อ.เผ่าพงศ์ พูราษฎร์ ผกก. ว่าขณะเดินทางโดยรถยนต์ บนถนนสายเก้าเลี้ยว-ชุมแสง ได้เกิดเหตุการณ์อาชญากรรม

ด้วย....มีรถยนต์ขับตามหลังมา 2 คันตามยิงถล่มโดยไม่ทราบสาเหตุ เดชะบุญ ไม่เกิดอันตรายใดๆ แก่ชีวิต เพียงแค่ ทรัพย์สินเสียหายบ้างตามสถานการณ์..!! “เหนือฟ้า ใต้บาดาล” ได้รับรายงานข่าวร่ำลือจากชาวบ้าน....จึง ตามล่าหาต้นตอ พบกับ “ดาบเกียรติ” และได้เล่าว่า...ตนเองเป็นคนพิจิตรไปรับราชการที่นครสวรรค์ ไม่เคยขัดแย้งบาดหมางกับใคร ทั้งที่บ้านเกิดและที่ทำงาน เลยไม่รู้ถึงสาเหตุการถูกปองร้ายในครั้งนี้ คืนมีเหตุ... กลับจากงานศพที่ชุมแสงก็ขับรถปิกอัพจะกลับบ้าน นครสวรรค์ พอเข้า เขตตำบลหนองเต่าสังเกตเห็น รถกระบะคันหนึ่งเปิดไฟสูงวิ่งตามหลังมา พอแซงขึ้นหน้าก็มีเสียงปืนดังขึ้น ด้วยสัญชาตญาณในการหลบภัย จึง ตัดสินใจปรับเบาะเอนระนาบปล่อยให้รถไหลลงข้างถนน
...เพียงชั่วแวบก็มี อีกคันวิ่งตามมา

พร้อมทั้งสาดกระสุนใส่อีกชุด แล้วแล่นเลยไป... ขณะ ที่เกิดเหตุ....“ดาบเกียรติ” ซึ่งได้รับการฝึกและมีประสบการณ์ชีวิตพอสมควร ก็ชักอาวุธเป็นการเตรียมพร้อมเช่นกัน แต่ยังมิโต้ตอบเพราะต้องดูเชิงก่อนว่าเหมาะหรือไม่ แล้วเหตุการณ์ก็เงียบไปจึงลงจากรถมาสด้าคู่ชีพออกมาสำรวจความเสียหาย... ...พบ ว่า รถของตนเองถูกยิงเข้าที่กระจกประตูรถและกระบะด้านขวาเป็นรูพรุนหลายแห่ง โดยเฉพาะกระจกด้านคนขับเป็นรูทะลุถึงฝั่งผู้โดยสาร แน่นอน วิถีกระสุนตรงแหน็วเข้าที่ศีรษะ ด้วยการเอนตัวลงแนวระนาบ “ดาบเกียรติ” จึงรอดตาย โดยไม่มีแม้แต่สะเก็ดกระสุนกระทบร่างกายเลยแม้แต่น้อย ปาฏิหาริย์...ส่งผลให้ ด.ต.ชูเกียรติ อนุสร รอดตาย ครั้งนี้ อยู่ที่...เก่ง และ เฮง...!! เก่ง....คือ มีสติและสัญชาตญาณ ในการป้องกันตัว จึงทำให้มิเกิดอันตรายจากเหตุ


ดาบเกียรติผู้มีประสบการณ์กับพระกริ่งฯ.

เฮง...คือ ข้างทางเป็นพื้นที่ราบ รถที่ไหลลื่นลงจึงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ จะได้รับก็เพียงแค่ขัดยอกเล็กน้อย และอีกประเด็นที่สร้างความมหัศจรรย์คือ พลังอันเกิดจากพุทธคุณของพระกริ่งปวเรศ ซึ่ง... เชื่อว่ามาจากกริ่งวัดสุทัศนเทพวราราม “115 ปี สังฆราช (แพ)” ดาบ เกียรติ...ได้ วัตถุมงคลองค์นี้จากพระอาจารย์รูปหนึ่ง เห็นว่าสวยดีและมาจากวัดเดียวกับ พระพุทธชินราชอินโดจีน ที่ติดตัวมาตั้งแต่เริ่มเป็นตำรวจ (โดยไม่เคยมีเหตุร้ายเลย) จึงนำมาอัดกรอบพลาสติก ห้อยคอแทน...พอมีเหตุเป็น ประสบการณ์แคล้วคลาดยิ่งเพิ่มศรัทธา และเลื่อมใส..!! พระกริ่งฯ...เป็นพระเครื่องที่นิยมกันในกลุ่มพุทธศาสนิกชนชาวทิเบต จีน และเขมร ซึ่งอยู่ในช่วงกรุงศรีอยุธยาราวเดียวกันกับยุค สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว มีการสร้างพระกริ่งฯเช่นกัน...


ภายในตำหนัก ซึ่งชำรุดตามอายุขัย.

ถึง...ยุค ของรัตนโกสินทร์ “สมเด็จพระมหา-สมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส” เสด็จเยี่ยมสมเด็จพระวันรัต (แดง) ซึ่งอาพาธเป็นอหิวาตกโรคได้บอกว่า...เคยเห็นกรมพระยาปรเรศฯอาราธนาพระกริ่งฯ แช่น้ำ อธิษฐานเป็นน้ำพระพุทธมนต์ให้คนไข้ที่เป็นอหิวา- ตกโรค ดื่มแล้วหายเป็นปกติ น่าจะลองทำดู.....!! ในอดีต....เพียงมีความ เชื่อกันว่ามีพลังในด้านบำบัดรักษาโรคเท่านั้น มิได้ขยายกว้างถึงโชคลาภอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด ปลอดภัย ฯลฯ ดั่งเช่นปัจจุบัน

...ซึ่งเป็นพลังครอบจักรวาล หลังรับสั่ง.....สมเด็จพระวันรัต (แดง) ปฏิบัติตาม อาการอาพาธก็บรรเทาและหายเป็นปกติ เหตุ ครั้งนั้น สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทว) ซึ่งมักเรียกกันสั้นๆว่า “สังฆราชแพ” ขณะที่ดำรงสมณศักดิ์ “พระศรีสมโพธิ์” ร่วมอยู่ด้วย เกิดความศรัทธาเป็นยิ่ง จึงทำการศึกษาพระกริ่งฯอย่างละเอียด ทั้งของศรีอยุธยา เขมร จีน และทิเบต...!! ใน ปี 2441...ได้สร้างพระกริ่งขึ้น โดยเป็นผู้กำหนดมวลสาร ฤกษ์ และขั้นตอนพิธีกรรมเองทั้งหมด ถือว่า เป็นปฐมบทแห่งการสถาปนาพระกริ่งวัดสุทัศนฯ ด้วยเลื่อมใสในพลังความขลังจึงมีการสร้างพระกริ่งฯขึ้นอีกหลายรุ่นตามวาระ


พระกริ่ง 155 ปีสมเด็จสังฆราช (แพ).

และโอกาส ทุกรุ่นยังอยู่ในนามของ...พระกริ่งสังฆราชแพ และ....ในปี 2486 ได้สร้างรุ่น “เชียงตุง” ถือว่าเป็นชุดสุดท้ายของ “พระกริ่งสังฆราชแพ” เพราะรุ่งอีกปี พระองค์ก็สิ้นพระชนม์...!! อย่าง ไรก็แล้วแต่ ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา แม้ว่าสมเด็จพระสังฆราช (แพ) จะละสังขารไปแล้ว เหล่าศิษยานุศิษย์ก็ยังสร้างพระกริ่งฯ สืบสานศาสตร์ให้ยั่งยืน ล่วงถึง ปี 2555 อันเป็นวาระ 155 ปีประสูติกาลสมเด็จพระสังฆราช (แพ) อดีตเจ้าอาวาสผู้ครองวัดสุทัศนฯ ถึง 43 ปี (นานกว่าเจ้าอาวาสรูปใดๆ) ด้วยจิตอันบริสุทธิ์...พระธรรมรัตนดิลก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนฯ มีจุดประสงค์จะปฏิสังขรณ์ “ตำหนักสมเด็จสังฆราช (แพ)” ปรับปรุงโบราณสถานอายุกว่า 200 ปีแห่งนี้เป็น “พิพิธภัณฑ์สมเด็จสังฆราชแพ” จึงสร้างพระกริ่งฯให้เป็นอนุสรณ์และทุน ในการดำเนินการ และทำอย่างถูกต้องครบถ้วนกระบวน การตามตำรา ทั้งมวลสารและฤกษ์ยามประกอบพิธีกรรม โดยให้ชื่อว่า...“155 ปีสมเด็จสังฆราช (แพ)” เกือบ 2 ปี....ซึ่งผู้มีศรัทธาในกุศลจิต รับวัตถุมงคลรุ่นนี้ไปแล้ว ต่างก็มีประสบการณ์ในด้านดี และ....บัด นี้ การปฏิสังขรณ์ก็เริ่มดำเนินการเคลียร์พื้นที่พร้อมที่จะลงมือ คาดว่าอีกราว 3 ปี “พิพิธภัณฑ์สมเด็จสังฆราชแพ” ก็จะแล้วเสร็จ...เป็นอันจบ ส่วน....กริ่ง “155 ปีสมเด็จสังฆราช (แพ)” อีกหนึ่งในปัจจัยเป็น อนุสรณ์ประมุขสงฆ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จะยังคง พลังเข้มขลังยั่งยืน...เป็นอมตะ...!!

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น