หลวงปู่พา อธิวโร อริยสงฆ์ชายแดน อภิญญา...สืบวิชาฯขอมและลาว
หลวงปู่พา...อริยสงฆ์ชายแดน อภิญญา...สืบวิชาฯขอมและลาว
หลวงปู่พา อธิวโร
ขอม...ดินแดน ไสยเวทแห่งสุวรรณภูมิ..!!
จากอดีต อันไกลโพ้น.....พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมของผู้เรืองเวททั้งธรรมะและอธรรม มีหลาย หลากอยู่ใน เพศบรรพชิต และ ฆราวาส สืบสานกันตามคาบแห่งกาลเวลา
อาคม...บาง บทก็เสื่อมถอยลง ด้วยขาดความเลื่อมใส บางวิชา คาถา พิธีกรรม ก็ยังคงอยู่กระทั่งถึงวันนี้ด้วยการเชื่อมต่อแห่งศรัทธา...ส่วนจะเข้มขลัง ขนาดไหนนั้นก็แล้วแต่...!!!
อาณาจักรขอมหรือประเทศกัมพูชาหรือเขมร อยู่ชิดใกล้กับแผ่นดินไทย ภาคตะวันออกยาวลงไปจนจดท้องทะเล และส่วนของอีสานตอน ล่างก็ติดกันเป็นเทือกตั้งแต่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อารยธรรม จึงได้แนบแน่นเสมือนถอดจากพิมพ์เดียวกัน แม้ปัจจุบันบางช่วง 2 ประเทศจะมี ปัญหา กันบ้างทางการเมือง.....แต่ก็หาใช่ตัวแยก
ปฏิบัติกสิณธาตุ กสิณสี ในพิธีกรรม
โดย เฉพาะ...การเชื่อมต่อบนเส้นทางของ “สงฆ์” ในอดีตมักจะออกธุดงค์จากเมืองไทยเข้าสู่เขมรทะลุทะลวงดินแดนอินโดจีน ภิกษุรูปใดที่ผ่านทุระได้อย่างฉลุย จะเกิดพลังแห่งศรัทธายอมรับนับถือว่าเป็น “อริยสงฆ์” แกร่งกล้าในวิชาอาคมและบุญบารมีควรแก่การเลื่อมใสสักการบูชา
หลวงปู่ มุม วัดปราสาทเยอร์เหนือ อำเภอบึงไพร ศรีสะเกษ ได้ธุดงค์ข้ามแดนไปร่ำเรียนวิชา กับพระอาจารย์ในอาณาจักรขอม ในกลุ่มของธรรมะในการเข้าฌานสมาธิ เรียกว่า “อาณาปานสติ” การกำหนด กสิณธาตุ และ กสิณสี จนเป็นที่แตกฉานและเป็นที่ยอมรับในยุคนั้นว่าเป็น พระอภิญญาแห่งเมืองศรีสะเกษ
กสิณธาตุ คือเพ่งลงธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุลม แต่ละอย่างไม่เหมือนกัน ส่วนการ กสิณสีนั้นได้ตั้งเอาสีขาวเป็นอารมณ์ ทำให้เกิดญาณหยั่งรู้ทางจิตเป็น “ปรจิตตวิชา” และ “ทิพย์จักษุญาณ” อันเป็นสื่อนำเข้าสู่ อรูปฌานเป็นไปเพื่อเพ่งกสิณตัวอื่น
ช่วงแห่งจังหวะ.....จิตในระดับ นี้ (ควบคุมธาตุได้ทั้ง 4 พลังงาน) ถือว่าขลังเป็นที่สุด อันทรงพลัง สามารถปัดเป่าภยันตภัย โรคร้าย ไข้เจ็บ ฯลฯ ให้หายหรือบรรเทาได้ หรือแม้แต่ในการ อธิษฐานจิตปลุกเสกก็ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง
ต่อ มา.....หลวงปู่มุมก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมเหล่านี้ให้กับ หลวงปู่พา อธิวโร แห่งวัดบัวระรมย์ อำเภอน้ำเกลี้ยง ศรีสะเกษ เพื่อยืดอายุของศาสตร์ให้ยืนยาวต่อไปอีก.....เท่าที่จะสืบสานกันต่อได้
หลวง ปู่พา.....เกิดเมื่อปี 2470 อายุ 85 ปี พรรษาที่ 65 เป็นชาวศรีสะเกษโดยกำเนิด เข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์เมื่ออายุครบบวช และก็จำพรรษาอยู่ที่นั่นตลอดมา ในอดีตมีการออกธุดงค์ข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านบ้าง หลังจากปี 2500 เกิดกรณีพิพาทเรื่องเขาพระวิหารจึงหยุด การข้ามแดน
เหรียญรูปเหมือนด้านหน้า - เหรียญรูปเหมือนด้านหลัง
.....ใน การถ่ายทอดวิชาอาคมหลวงปู่มุมได้พิจารณาเห็นว่าเป็นผู้มีความเหมาะสม จึงรับเข้ามาเป็น ศิษย์เอก แล้วสอนความรู้ที่ร่ำเรียนมาให้จนหมดสิ้น โดยการเรียนศาสตร์กรรมฐานจากครูศิษย์ต้องประกอบ ปฏิบัติด้วย ศีล สมาธิ ปัญญาควบคู่กันไป ตั้งแต่ก่อน เรียนและหลังจบแล้วก็ยังต้องยึดถือต่อ เมื่อเรียนรู้และทำได้แล้ว ต้องรู้จักรักษา เก็บตนไม่โอ้อวด เรียกว่า....รักษาพระวินัย
และ...แม้จะอยู่เงียบๆก็เป็นที่รู้กันดี ของชาวบ้านว่าเป็นพระผู้มีคุณวิเศษอย่างเร้นลับ เชี่ยวชาญด้านคาถาอาคม สมถะวิปัสสนากรรมฐาน......เป็นที่พึ่งพาเคารพ
ตลอดระยะเวลา.....หลวง ปู่พาได้สั่งสมพลังฌานบารมีจนแกร่งกล้า สามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า ถึงขั้น ได้เป็น สหายธรรมกับหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล (อายุ 109 ปี) แห่งวัดบ้านจาน อำเภอกันทรารมย์ ศรีสะเกษ
ซึ่งก่อนหลวงปู่หมุนจะละสังขารด้วยสมาธิ สื่อทางจิต จึงเดินทางไปพักกับหลวงปู่หมุน 7 วัน ช่วงแห่งคาบเวลานั่นยามดึกเหล่าศิษยานุศิษย์เห็นแสงสว่างไสวในกุฏิของหลวง ปู่หมุน อันเกิดจากสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มิใช่ไฟฟ้าตามปกติหรือไฟตะเกียง...สร้างความ งึด
และ....บางคืนก็มีเสียงดังลั่นโครมคราม หรือ ไม่ก็ได้ยินเสียงเสือคำราม เมื่อครบ 7 วันหลวงปู่พา ก็ลาหลวงปู่หมุนกลับวัด ถามหลวงปู่พากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.....ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด
ฤาษีบันดาลทรัพย์ - พระนารายณ์เปิดโลก
ผู้ รู้บางท่านบอกว่า เสียงที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของทางอภิญญาจิตของทั้ง 2 ท่าน ที่แลกเปลี่ยนวิชาอาคมและทดสอบ ภูมิจิต ภูมิธรรมไปในตัว (หลวงปู่หมุนเป็นผู้สืบทอดศาสตร์จากสำเร็จลุนแห่งนครจำปาสัก ผู้สื่อฌานกับหลวงปู่เทพโลกอุดรได้).....
...ก็เท่ากับว่า หลวงปู่พาได้สืบต่อศาสตร์ ธรรมะอาคมทั้งขอมและลาว...!!!
ล่วง ถึงปี 2553.....เป็นช่วงหลวงปู่พาเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ครบ 63 พรรษา ถือว่าเป็นเลขมงคลรวมกันแล้วได้ 9 หมายถึงความก้าวหน้า เหล่าศิษยานุศิษย์อยากให้หลวงปู่พาสร้างวัตถุมงคลไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์
ด้วย ยึดในแนวสมถะเก็บตนไม่โอ้อวด ช่วงแรกๆก็ปฏิเสธไป แต่ในความเมตตาที่ต้องเผื่อแผ่จึงยอมสร้างและก็มีแนวคิดว่า หากเอาบรมศาสดามาเป็นพาณิชย์ก็คงไม่สมควร เมื่อศิษยานุศิษย์ร้องขอในตัวของหลวงปู่พา จึงสนองด้วยการสร้าง เหรียญรูปเหมือน กับ ล็อกเกต พร้อมทั้งย้อนยุคสู่ดินแดนสุวรรณภูมิซึ่งนับถือพระนารายณ์เป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ด้วยสร้าง พระนารายณ์เปิดโลก
.....แต่ก็มิได้ตัดขาดจาก พุทธภูมิย้อนถึง สมัยพุทธกาลซึ่งมีนักพรต ด้วย บรม ฤาษีบันดาลทรัพย์ และโยมอุปัฏฐากพระพุทธองค์คือ เศรษฐีนวโกฏ ตาม แนวของสำเร็จลุน
ซึ่ง ทุกอย่างที่สร้างขึ้น เพื่อความขลังและพลังศักดิ์สิทธิ์ ได้ดำเนินการตำราขอมและลาวอย่างครบถ้วนทุกขั้นตอน ส่วนจะขลังหรือไม่ ขนาดไหน ศิษยานุศิษย์ที่ได้รับการจ่ายแจก ยังไม่มีข่าวคราวสร้างกระแสให้ฮือฮา......
ฤาว่า....รวยแล้วเงียบ...!!!
เหนือฟ้าใต้บาดาล | คอลัมน์ เหนือฟ้าใต้บาดาล | ก้อง กังฟู |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น